จำนองที่ดิน นำอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง เช่น โฉนดที่ดิน ไปจดทะเบียนไว้กับอีกบุคคลหนึ่ง

จำนองที่ดิน นำอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง เช่น โฉนดที่ดิน ไปจดทะเบียนไว้กับอีกบุคคลหนึ่งการจำนองที่ดิน คือ การนำโฉนดที่ดิน ที่ไม่ว่าจะเป็นที่ดินเปล่าหรือที่ดินอสังหาริมทรัพย์ ไปทำการจดจำนองไว้กับบุคคลหรือบริษัทที่รับจำนองโดยเฉพาะ แล้วได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเงิน หรืออธิบายแบบง่าย ๆ คือ การนำโฉนดที่ดินมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับการชำระหนี้ในอนาคต โดยที่ผู้จำนองที่ดิน นั้นไม่จำเป็นต้องส่งมอบที่ดินไปให้กับผู้รับจำนองแต่อย่างใด เพียงแต่จะต้องมีการทำสัญญาจำนองที่ดินไว้อย่างชัดเจน จะมาในรูปแบบของสัญญาเงินกู้ที่จะมีการใช้โฉนดต่าง ๆ มาเป็นตัวค้ำประกัน

สำหรับผู้ที่จะสามารถทำเรื่องการจำนองที่ดินได้นั้น จะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่มีชื่ออยู่ภายในโฉนดหรืออสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ โดยตรง แต่ถ้าเจ้าของทรัพย์สินไม่สามารถมาได้ด้วยตนเอง จะต้องมีการเซ็นมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทนได้ เมื่อคุณเริ่มจะทำสัญญาการจำนองแล้ว จะต้องมีการนำหลักทรัพย์หรือที่ดินไปทำการจดทะเบียนกับผู้รับจำนองต่อเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เพื่อให้เป็นเพียงแค่หลักประกันเท่านั้น แต่ผู้รับจำนองจะไม่สามารถถือครองทรัพย์สินนั้น ๆ ได้ ถ้าเมื่อใดเกิดการชำระหนี้ไม่ตรงเวลา มีการผิดนัดชำระบ่อยครั้ง ผู้ที่รับจำนองที่ดินจึงจะสามารถเข้ายึดทรัพย์ที่ค้ำประกันไว้ได้

แต่การเข้ายึดทรัพย์นั้นจะต้องเป็นไปโดยกฎหมาย คือ การเริ่มต้นตั้งแต่การทำเรื่องฟ้องศาล เพื่อให้ศาลได้พิจารณาและออกคำสั่งบังคับลูกหนี้ในการนำที่ดินมาขายทอดตลาดจากกรมบังคับคดี แล้วนำเงินที่ขายได้ไปจ่ายให้กับทางเจ้าหนี้ จึงจะถือว่าสิ้นสุดสัญญาการจำนองที่ดินซึ่งกันและกัน โดยภายในสัญญาการจำนองที่ดินจะต้องมีรายละเอียดของทรัพย์สินโดยรวม เช่น
– เลขที่ของโฉนด
– เลขที่ดิน
– หน้าการสำรวจและระบุที่อยู่ ตำบล อำเภอ จังหวัดให้ชัดเจน

นอกจากนี้ควรจะต้องมีรายละเอียดของวันที่ในการทำสัญญา, การระบุชื่อผู้ทำสัญญา ทั้งผู้จำนองและผู้รับจำนองที่ดิน, การระบุรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงในสัญญา, รายละเอียดของชื่อผู้ถือโฉนดที่ดินในระหว่างการจำนอง และการเซ็นสัญญาที่จะต้องมีพยานเพิ่มอีกฝ่ายละ 1 คน เจ้าพนักงานที่ดิน ผู้เขียนสัญญา และผู้ตรวจสัญญา จึงจะถือว่าการจำนองเสร็จสมบูรณ์